ความยาวคลื่น = ความเร็วแสง / ความถี่ ความยาวคลื่น () = ระยะห่างระหว่างยอดคลื่น มีหน่วยเป็นเมตร ( m) ความถี่ ( f) = จำนวนคลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านจุดที่กำหนด ในระยะเวลา 1 วินาที มีหน่วยเป็นเฮิรทซ์ ( Hz) ความเร็วแสง ( c) = 300, 000, 000 เมตร/วินาที ( m/s) ประเภทคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 1. คลื่นวิทยุ มีความถี่ช่วง 10 4 - 10 9 Hz( เฮิรตซ์) ใช้ในการสื่อสาร คลื่นวิทยุมีการส่งสัญญาณ 2 ระบบคือ 1. 1 ระบบเอเอ็ม มีช่วงความถี่ 530 - 1600 kHz( กิโลเฮิรตซ์) สื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้าไปกับคลื่นวิทยุเรียกว่า "คลื่นพาหะ " โดยแอมพลิจูดของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง ในการส่งคลื่นระบบ A. M. สามารถส่งคลื่นได้ทั้งคลื่นดินเป็นคลื่นที่เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงขนานกับผิวโลกและคลื่นฟ้าโดยคลื่นจะไปสะท้อนที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับลงมา จึงไม่ต้องใช้สายอากาศตั้งสูงรับ 1. 2 ระบบเอฟเอ็ม มีช่วงความถี่ 88 - 108 MHz ( เมกะเฮิรตซ์) สื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้ากับคลื่นพาหะ โดยความถี่ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง ในการส่งคลื่นระบบ F. ส่งคลื่นได้เฉพาะคลื่นดินอย่างเดียว ถ้าต้องการส่งให้คลุมพื้นที่ต้องมีสถานีถ่ายทอดและเครื่องรับต้องตั้งเสาอากาศสูง ๆ รับ 2.
รังสีอินฟาเรด รังสีอินฟาเรดมีช่วงความถี่ 10 11 - 10 14 Hz หรือความยาวคลื่นตั้งแต่ 10 -3 - 10 -6 เมตร ซึ่งมีช่วงความถี่คาบเกี่ยวกับไมโครเวฟ รังสีอินฟาเรดสามารถใช้กับฟิล์มถ่ายรูปบางชนิดได้ และใช้เป็นการควบคุมระยะไกลหรือรีโมทคอนโทรลกับเครื่องรับโทรทัศน์ได้ 4. แสง แสงมีช่วงความถี่ 10 14 Hz หรือความยาวคลื่น 4x10 -7 - 7x10 -7 เมตร เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ประสาทตาของมนุษย์รับได้ 5. รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสีเหนือม่วง มีความถี่ช่วง 10 15 - 10 18 Hz เป็นรังสีตามธรรมชาติส่วนใหญ่มาจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ ซึ่งทำให้เกิดประจุอิสระและไอออนในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ รังสีอัลตราไวโอเลต สามารถทำให้เชื้อโรคบางชนิดตายได้ แต่มีอันตรายต่อผิวหนังและตาคน 6. รังสีเอกซ์ รังสีเอกซ์ มีความถี่ช่วง 10 16 - 10 22 Hz มีความยาวคลื่นระหว่าง 10 -8 - 10 -13 เมตร ซึ่งสามารถทะลุสิ่งกีดขวางหนา ๆ ได้ หลักการสร้างรังสีเอกซ์คือ การเปลี่ยนความเร็วของอิเล็กตรอน มีประโยชน์ทางการแพทย์ในการตรวจดูความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย ในวงการอุตสาหกรรมใช้ในการตรวจหารอยร้าวภายในชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่ ใช้ตรวจหาอาวุธปืนหรือระเบิดในกระเป๋าเดินทาง และศึกษาการจัดเรียงตัวของอะตอมในผลึก 7.
ไม่ควรใช้สมาร์ทโฟนใกล้ศีรษะ ถ้าจำเป็นต้องใช้ ให้ใช้ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น เช่นการพูดโทรศัพท์โดยยกแนบหู 2. ใช้ปุ่มกดเปิดเสียง (speaker phone) เพื่อจะได้ไม่ต้องยกโทรศัพท์แนบหู 3. เมื่อไม่มีการใช้สมาร์ทโฟนให้วางห่างจากร่างกายอย่างน้อย 1 ฟุตเสมอ 4. พิจารณาใช้อุปกรณ์ป้องกัน (Shield Device) ทั้ง EMF และ RF 5. ไม่ควรพกสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงเป็นระยะเวลานาน เพราะอยู่ใกล้อวัยวะสืบพันธุ์ 6. ไม่ควรชาร์ทแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนแล้วเปิดสวิชท์ทิ้งไว้ และควรชาร์จนอกห้องนอน 7.
ชาญไชยกล่าว ด้านข้อกังวลใจเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศเสื่อม ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการศึกษาวิจัยรายงานว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้เกิดความผิดปกติของการหลั่งสารเคมี ฮอร์โมนภายในร่างกาย และปริมาณอสุจิของเพศชาย แต่ผลการศึกษาใหม่ๆ ขัดแย้งกับผลการศึกษาในอดีต ซึ่งยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือมีผลต่อระบบสืบพันธุ์โดยเฉพาะเพศชาย เนื่องจากอวัยวะอยู่ภายนอกร่างกาย ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงแนะนำให้พยายามเก็บมือถือให้ห่างจากร่างกายอย่างน้อย 20 เซนติเมตร ระดับกำลังคลื่นแม่หล็กไฟฟ้า ที่มา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.
Skip to content ในวันที่โลกหมุนเร็วขึ้น เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีคำถามว่าเสาสัญญาณมือถือที่ถูกติดตั้งเพิ่มขึ้นนั้น เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรืออาจทำให้เกิดโรคร้ายแรงจริงหรือไม่ วันนี้จะมาหาคำตอบไปพร้อมกัน จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.
ชาญไชย ไทยเจียม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชาญไชยกล่าวต่อว่า อันตรายของแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นอยู่กับระดับกำลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยกำลังมากก็จะให้ความร้อนมากซึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิดที่ใช้นั้นมีกำลังคลื่นแม่เหล็กต่างกัน คือ วิทยุเอฟเอ็มรัศมี 50 กิโลเมตรมีระดับกำลัง 100 กิโลวัตต์ เตาไมโครเวฟมีระดับกำลัง 1 กิโลวัตต์ โทรศัพท์มือถือ 2 วัตต์สำหรับระบบเดิม แต่ปัจจุบันที่เป็นระบบ 3G มีระดับกำลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ประมาณ 0. 8 วัตต์ หากระบบ 4G ระดับกำลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะน้อยลงอีก "ผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นมีระดับที่แตกต่างกัน โดยอวัยวะที่มีเลือดหล่อเลี้ยงมากจะมีความเสี่ยงน้อย ส่วนอวัยวะที่มีเลือดหล่อเลี้ยงน้อยจะมีความเสี่ยงมาก เช่น ดวงตา แต่ปัจจุบันยังไม่พบผู้ที่ดวงตามีปัญหาเนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทั้งนี้เพราะเลือดที่หมุนเวียนในอวัยวะต่างๆ จะเป็นตัวช่วยคลายความร้อนที่เกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและส่งความร้อนมายังร่างกายมนุษย์" ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.
อันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า - YouTube
ประโยชน์ของรังสีเอกซ์ รังสีเอกซ์เป็นคลื่่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีอำนาจทะลุผ่านสูงจึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน - ใช้ตรวจสอบรอยร้าวของส่วนประกอบสิ่งก่อสร้าง - ใช้ตรวจหาอาวุธหรือระเบิดในกระเป๋าเดินทางบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง - ใช้ตรวจดูอวัยวะภายในและใช้รักษาโรคมะเร็งหรือใช้ในการศึกษาการจัดเรียงตัวของอะตอมในผลึก 6.
1. ลักษณะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นคลื่นตามขวาง ประกอบด้วยสนามไฟฟ้า ( E) และสนามแม่เหล็ก( B) มีการสั่นในแนวตั้งฉากกัน และอยู่บนระนาบตั้งฉากกับทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ จึงสามารถเคลื่อนที่ในสุญญากาศได้ กฎมือขวา ให้นิ้วชี้ไปตามแกนสนามไฟฟ้า กำนิ้วที่เหลือลงมาทางสนามแม่เหล็ก นิ้วหัวแม่มือจะแสดงการเคลื่อนที่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า - การเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก - การเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้า 2. สเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สิ่งที่ควรรู้ 1. ถ้าเรียงลำดับสเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากความยาวคลื่นจากมากไปน้อย จะได้ วิทยุ ไมโครเวฟ อินฟาเรด แสง อัลตราไวโอเลต รังสีเอ็กซ์ รังสีแกมม่า 2. ความเร็ซในการเคลื่อนที่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสุญญากาศ มีค่าเท่ากับ 3x10 กำลัง 8 เมตร/วินาที 3. ความสัมพันธ์ระหว่าง ความยาวคลื่น ความถี่ และความเร็ว เป็นดังนี้ C = ความเร็วของคลื่นแสง มีค่า = 3 x 10 8 m/s หรือ เขียนหน่วยเป็น ms -1 4. แสง มีความยาวคลื่น 400 nm - 700 nm เรียงจากความยาวคลื่นจากน้อยไปมาก คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง 5.